วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561


       โครงงานคอมพิวเตอร์ คือ ผลงานที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าตามความสนใจ ความถนัดและความสามารถของผู้เรียน โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โครงงานจึง เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยผู้เรียนจะหาหัวข้อ โครงงานที่ตนเองสนใจ รวมทั้งเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ และความรู้ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างผลงานตามความต้องการได้อย่างเหมาะสม โดยมีครูเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์มีองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้
               - เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์และเครื่องคอมพิวเตอร์
               - นักเรียนเป็นผู้ริเริ่มและเลือกเรื่องที่จะศึกษาค้นคว้า พัฒนาด้วยตนเองตามความสนใจและระดับความรู้ความสามารถ
               - นักเรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา ค้นคว้า ตลอดจนการพัฒนาเก็บรวบรวมข้อมูลหรือประดิษฐ์คิดค้นรวมทั้งการสรุปผล และการนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โดยมีครูอาจารย์หรือผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ให้คำปรึกษา
                 การทำโครงงานคอมพิวเตอร์มีขอบเขตกว้างขวางมาก ตั้งแต่เรื่องที่ง่ายๆ ไปจนถึงเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนโครงงานคอมพิวเตอร์บางเรื่องอาจใช้เวลาสั้นในการพัฒนา จนถึงเรื่องที่ใช้เวลาเป็นภาคเรียนหรือปีการศึกษาโครงงานคอมพิวเตอร์บางเรื่องเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยจนถึงนับพันบาท นักเรียนจึงควรศึกษารายละเอียดและงบประมาณต่างๆ ของโครงงานก่อน จึงค่อยเลือกทำโครงงานที่เหมาะสมกับระดับความรู้ ความสามารถ และความสนใจของนักเรียน โดยทั่ว ๆ ไป การทำโครงงานคอมพิวเตอร์จัดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนรายวิชาคอมพิวเตอร์ทุกระดับการศึกษา โดยอาจจะทำเป็นกลุ่มหรือทำเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจของนักเรียนแต่ละคนแต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ
                 จุดมุ่งหมายสำคัญของการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ไม่ได้อยู่ที่การส่งเข้าประกวดเพื่อรับรางวัล แต่เป็นโอกาสที่นักเรียนจะได้ประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ต่าง ๆตลอดจนการแสดงผลงานของตนเองเพื่อให้นักเรียน ผู้ปกครองและผู้ที่สนใจในชุมชนเมื่อมีการจัดกิจกรรมของโรงเรียนหรืองานอื่น ๆ

ประโยชน์ของการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
              1. ได้เรียนรู้แนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำโครงงาน
              2. ส่งเสริมกระบวนการคิด การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ
              3. ได้รับประสบการณ์ในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อแก้ปัญหา
              4. ส่งเสริมให้ใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์และสร้างสรรค์
หลักการสำคัญของการเรียนรู้แบบโครงงาน
              1. ต้องเกิดจากความอยากรู้ของผู้เรียน ผู้เรียนมีความสนใจหรือต้องการคำตอบในเรื่องนั้นๆ
              2. ผู้เรียนเป็นผู้เลือกวิธีการเรียนและแหล่งการเรียนรู้
              3. ผู้เรียนวางแผนปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ มีวัตถุประสงค์ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอน
              4. มีการใช้กระบวนการต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้และผู้เรียนเป็นผู้สรุปองค์ความรู้
              5. ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
              6. ผู้เรียนมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้อื่น
              7. ต้องมีการน าเสนอเพื่อรายงานผลการศึกษาจากการทำโครงงาน
              8. ต้องมีการประเมินผลเพื่อให้เกิดการพัฒนางาน
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงาน
              1. ทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงาน ประสานงาน การวางแผนการทำงาน
              2. ทำให้กล้าคิด กล้าแสดงออก ต่อที่ประชุมชนมากขึ้น
              3. ทำให้รู้จักหน้าที่ และมีความรับผิดชอบมากขึ้น
              4. ทำให้รู้จักการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ
              5. ทำให้รู้จักการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี
              6. ทำให้เกิดการพัฒนาความคิด และรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
              7. ทำให้รู้จักการแบ่งเวลา และการตรงต่อเวลา
              8. ทำให้รู้จักการแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
              9. ทำให้รู้วิธีการทำงานต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการทำงาน
คุณค่าของการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
              1. สร้างความสำนึกและความรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง
              2. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนาและแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง
              3. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้ในเรื่องที่นักเรียนสนใจได้ลึกซึ้งกว่าการเรียนในห้องตามปกติ
              4. ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ รวมทั้งการสื่อสารระหว่างกัน
              5. กระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนวิชาสาขาคอมพิวเตอร์ และมีความสนใจที่จะประกอบอาชีพทางด้านนี้
              6. ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์
              7. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูและชุมชน รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนสนใจคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
              8. เป็นการบูรณาการเอาความรู้จากวิชาต่าง ๆ ที่ได้รับมาจัดทำผสมผสานกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นโครงงานเพื่อนำเสนอต่อชุมชน

ตัวอย่างชื่อโครงงานในประเภทต่างๆ

โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
1. โปรแกรม ดนตรีไทยแสนสนุก
2. โปรแกรม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
3. โปรแกรมฝึกอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ
4.โปรแกรมสำนวนไทยพาสนุก
5.โปรแกรมสนุกไปกับตารางธาตุ
6.โปรแกรมเรียนรู้คณิตศาสตร์

โครงงานพัฒนาเครื่องมือ
1. โปรแกรมการค้นหาคำภาษาไทย
2. โปรแกรมอ่านอักษรไทย
3. โปรแกรมวาดภาพสามมิติ
4. โปรแกรมเข้าและถอดรหัสข้อมูล
5. โปรแกรมบีบอัดข้อมูล
6. โปรแกรมประมวลผลคำไทยบนระบบปฏิบัติการลีนุกซ์
7. โปรแกรมการออกแบบผังงาน
8. เครื่องช่วยคนพิการแขนอ่านหนังสือ
9. การส่งสัญญาณควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

โครงงานจำลองทฤษฎี
1. การทดลองปัจจัยต่างๆ ในการเลี้ยงปลานิลด้วยคอมพิวเตอร์
2. การทดลองปัจจัยต่างๆ ในการเพาะปลูกแก้วมังกรด้วยคอมพิวเตอร์
3. การทำนายอุณหภูมิจากข้อมูลที่ผ่านมา
4. การทดลองผสมสารเคมีต่างๆ ด้วยคอมพิวเตอร์
5. ปัจจัยต่างๆ กับการเคลื่อนที่ของเครื่องบิน
6. ผลการปลูกข้าวในสภาวะแวดล้อมที่ต่างกัน
7. การเปรียบเทียบเทคนิคของการย่อขนาดแฟ้มข้อมูล
8. โปรแกรมสังเคราะห์เสียงพูดเบื้องต้น

โครงงานประยุกต์ใช้งาน
1. โปรแกรมระบบงานการกีฬา
2. โปรแกรม สารบรรณสำเร็จรูป : Readymade Archivist
3. โปรแกรมระบบฐานข้อมูลทางการแพทย์เบื้องต้น
4. เครื่องป้องกันการขโมยรถจากโทรศัพท์มือถือ
5. เครื่องช่วยคนพิการแขนอ่านหนังสือ
6. เครื่องรดน้ำต้นไม้และให้อาหารปลาผ่านโทรศัพท์มือถือ
7. เครื่องให้อาหารไก่ไข่อัตโนมัติ
8. ระบบจองตั๋วรถไฟบนอินเทอร์เน็ต

โครงงานประยุกต์ใช้งาน
1. ระบบบริหารจัดการข้อมูลผู้เรียนของโรงเรียน
2. ระบบจัดการข้อมูลการเงินส่วนบุคคล
3. ระบบจองตั๋วรถไฟบนอินเทอร์เน็ต
4. ระบบแนะนำเส้นทางเดินรถประจำทาง
5. โปรแกรมสังเคราะห์เสียงสำหรับคนตาบอดบนรถประจ าทาง
6. โปรแกรมออกและตรวจข้อสอบ
7. โฮมเพจส่วนบุคคล
8. โปรแกรมช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น
9. โปรแกรมพจนานุกรมไทย-อังกฤษ

โครงงานพัฒนาเกม
1. เกมผจญภัยกับพระอภัยมณี
2. เกมอักษรเขาวงกต
3. เกมเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
4. เกมผจญภัยกับภาษาอังกฤษ
5. เกมหมากฮอส
6. เกมบวกลบเลขแสนสนุก
7. เกมศึกรามเกียรติ์
8. เกมมวยไทย

การคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
            โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนำมาพัฒนา
โครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี้
               1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสารต่างๆ
               2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
               3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ
               4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
               5. งานอดิเรกของนักเรียน
               6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์

ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะน า มาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบส าคัญ ดังนี้
           1. นักเรียนเป็นผู้เลือกอย่างมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ศึกษาค้นคว้าตามความถนัด และ
คำนึงความพร้อมความสนใจของตนเองหรือของกลุ่ม
           2. เลือกโครงงานที่มีคุณค่าและเป็นปัญหาใหม่ๆตรงกับความสามารถและความรู้ของตนเอง
           3. คำนึงถึงความเหมาะสมในเรื่อง ความปลอดภัย เวลา งบประมาณ และกำลังของตน
           4. คำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำโครงงาน
           5. สามารถวางแผนการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆไว้ล่วงหน้า เห็นลู่ทางที่จะทำได้สำเร็จ
           6. สามารถหาเครื่องมือหรือสร้างเครื่องมือที่มีคุณภาพเพื่อรวบรวมข้อมูลได้
           7. มีความตั้งใจที่จะทำโครงงานให้ประสบผลสำเร็จ ได้ผลงานที่นำไปใช้ได้จริง
           8. เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงและเป็นไปได้ มีคุณค่าต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
           9. นักเรียนมีประสบการณ์อยู่บ้างและเป็นเรื่องที่มีโอกาสได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
          10. เป็นเรื่องที่เปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมมือกันในการทำโครงงาน
          11. เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวไม่กว้างเกินไป จนทำให้ไม่สามารถศึกษาลึกลงไปในรายละเอียดได้
          12. เป็นเรื่องที่นักเรียนสามารถนำความรู้และทักษะที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการทำกิจกรรมอื่นๆ
          13. เป็นกิจกรรมการศึกษาที่ให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหาโครงงานนั้นๆหรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่างๆที่ได้พบเห็นมาแล้ว
          14. เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้ง
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้วย
          15. นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติงาน และการแปลผลรายงานผลต่อครูที่ปรึกษาเพื่อดำเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กำหนดไว้
ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
               การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิจะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดา เนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คำตอบว่า
                 1. จะทำอะไร
                 2. ทำไมต้องทำ
                 3. ต้องการให้เกิดอะไร
                 4. ทำอย่างไร
                 5. ใช้ทรัพยากรอะไร
                 6. ทำกับใคร
                 7. เสนอผลอย่างไร
                 เค้าโครงโครงงานคอมพิวเตอร์ คือ รายละเอียดเพื่อขอเสนอทำโครงงานคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้
                  1. ชื่อโครงงาน ควรเขียนให้ตรงกับเรื่องที่จะทำเขียนให้สั้น กะทัดรัด ชัดเจน กระชับ ไม่ควรยาวเกินไปและใช้ข้อความที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงว่าจะศึกษาอะไร ระบุให้ชัดเจน สื่อความหมาย ได้ใจความตรงกับเรื่องตรงกับงานที่นักเรียนกำลังศึกษา เมื่ออ่านชื่อเรื่องแล้ว สามารถบอกได้ว่า เรื่องนั้นมีลักษณะอย่างไร เป็นประโยคที่สมบูรณ์ มีประธาน กริยา กรรม และไม่ควรเป็นประโยคคำถาม เพราะไม่ใช่คำถามหรือปัญหา ชื่อควรเร้าความสนใจ แต่ต้องไม่ผิดเพี้ยนไปจากเนื้อเรื่องของโครงงาน
                  2. ชื่อผู้ทำโครงงาน/คณะท างาน (ระบุรายชื่อคณะนักเรียนที่ทำโครงงาน)
                  3. ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงาน (ระบุชื่อครูที่ให้คำแนะนำปรึกษา) อาจจะเป็นครูประจำรายวิชาหรือครูท่านอื่น หรือผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาได้
                  4. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน การอธิบายถึงความสำคัญและเหตุผลในการเลือกพัฒนาโครงงานและประโยชน์ของโครงงาน ความเป็นมาเกี่ยวกับปัญหาที่สนใจจะศึกษานี้ว่ามีหลักการความเป็นมามีเหตุผลความจำเป็นอย่างไร แรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจ เหตุใดจึงได้เลือกทำโครงงานนี้ มีเหตุจูงใจอะไรที่ทำให้สนใจเป็นกรณีพิเศษ โครงงานนี้มีคุณค่า มีความสำคัญอย่างไร ประโยชน์ที่จะได้จากการจัดทำโครงงานนี้ ดีอย่างไร ทำไมจึงต้องทำ มีข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีหรือหลักวิชาการหรือตัวเลขสถิติที่มีความเกี่ยวข้องปรากฏเด่นชัดควรจัดระบบเพิ่มเติมลงไปด้วย เพื่อแสดงว่าโครงงานนี้มีความสำคัญ เป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นได้ศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้วเพื่อขยายปรับปรุงหรือทำซ้ำเพื่อตรวจสอบผล
                  5. วัตถุประสงค์ เป็นการระบุความต้องการในการศึกษา ซึ่งอาจเขียนเป็นข้อๆ โดยเขียนให้ผู้อื่นทราบว่าเราจะทำการศึกษาอะไร อย่างไร แต่ไม่ใช่นำเอาประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการทำโครงงานมาเขียนเป็นจุดมุ่งหมาย ส่วนการระบุวัตถุประสงค์ของโครงงานนั้น จัดว่าเป็นการเขียนวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า หรือเป็นวัตถุประสงค์ของการทดลอง วัตถุประสงค์ที่ดี ควรมีความเฉพาะเจาะจง เป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ บอกขอบเขต
ของงานที่จะท าได้ชัดเจน และไม่เขียนอยู่ในรูปของประโยคคำถาม ที่สำคัญคือต้องสอดคล้องกับชื่อของโครงงาน
                 6. ขอบเขตของโครงงาน ระบุว่าโครงงานที่ทำขึ้นนี้ศึกษาเรื่องเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง และ
ใช้โปรแกรมอะไรในการสร้างชิ้นงานโครงงาน
                 7. แผนการดำเนินงาน ระบุขั้นตอนการดำเนินงาน ระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่วันที่เริ่มทำโครงงาน ระยะเวลาดำเนินงานแต่ละขั้นตอนการปฏิบัติ ค่าใช้จ่าย หรืออธิบายการเริ่มงาน การจัดทำการ
จัดรูปแบบ ออกแบบ ทดลองอะไร เก็บข้อมูลอะไรบ้าง อย่างไรและเมื่อใด ขั้นตอนการดำเนินงานเป็นอย่างไร
                 8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการกล่าวถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำโครงงาน จะมีอะไรเกิดขึ้นมีปริมาณมากน้อยเพียงใด มีประสิทธิภาพหรือคุณภาพอย่างไร จะได้รับประโยชน์หลายลักษณะหรือลักษณะใดลักษณะหนึ่งจากการทำโครงงานครั้งนี้อย่างไร ทั้งกับตนเอง เพื่อนๆ และบุคคลทั่วไป
                 9. อุปกรณ์และวิธีการดำเนินงาน ระบุว่าเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการพัฒนาโครงงานใช้ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ต่าง ๆมีอะไรบ้าง มีขนาดเท่าใด วัสดุอุปกรณ์มาจากไหน สิ่งใดที่ต้องซื้อและสิ่งใดที่ต้องขอยืมสิ่งที่ต้องจัดทำเองมีอะไรบ้าง

การปฏิบัติโครงงาน
              เมื่อเค้าโครงงานผ่านความเห็นชอบจากครูที่ปรึกษาโครงงานแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่ระบุไว้ โดยปฏิบัติตามแผนการดำเนินงาน อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมจากแผนงานที่วางไว้ในตอนแรก
บ้างก็ได้ อยู่ภายใต้การดูแล กำกับ ติดตาม และแนะนำอย่างใกล้ชิดของครูที่ปรึกษา ควรปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงความปลอดภัย ในการท างาน ตลอดจนค านึงถึงสภาพแวดล้อม มีการบันทึกผลการปฏิบัติเป็นระยะๆ เพื่อรายงานความก้าวหน้าของโครงงาน
             การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วยและควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับบันทึกการทำกิจกรรมต่างๆระหว่างทำโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆที่พบการลงมือพัฒนา
             ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทำ ให้ผลงานดีขึ้น จัดระบบการทำงานโดยทำ ส่วนที่เป็นหลักสำคัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่อยทำส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงานกันทำให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน
             การตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเป็นความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทำงานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทำด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย

ขั้นตอนการดำเนินงาน

                    1. เตรียมวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ให้พร้อมก่อนลงมือปฏิบัติ
                    2. มีสมุดบันทึกกิจกรรมประจำวันว่าได้ทำอะไรไป ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและข้อคิดเห็น  อย่างไร
                    3. ปฏิบัติกิจกรรมด้วยความรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้ให้เป็นระเบียบและครบถ้วน
                    4. คำนึงถึงความประหยัดและความปลอดภัยในการทำงาน
                    5. พยายามทำตามแผนงานที่วางไว้ในตอนแรก แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมบ้างหลังจากที่ได้เริ่มต้นทำงานไปแล้วถ้าคิดว่าจะทำให้ผลดีขึ้น
                    6. ควรแบ่งงานเป็นส่วนย่อยๆและท าแต่ละส่วนให้สำเร็จ ก่อนทำส่วนอื่นต่อไป
                    7. ควรทำงานส่วนที่เป็นหลักสำคัญๆให้เสร็จ จึงทำส่วนที่เป็นส่วนประกอบ หรือส่วนเสริมเพื่อตกแต่ง
                    8. อย่าทำงานต่อเนื่องจนเมื่อยล้า จะทำให้ขาดความระมัดระวัง
                    9. อย่าทำโครงงานใกล้ถึงวันกำหนดส่ง ควรวางแผนการทำงานล่วงหน้าให้เป็นระบบ

การเขียนรายงาน
            การเขียนรายงานเป็นการอธิบาย และ บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดทำโครงงาน สื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงาน ควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
          1. ชื่อโครงงาน
          2. ชื่อผู้ทำโครงงาน
          3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
          4. บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสำคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการ และผลที่ได้ โดยย่อ
          5. กิตติกรรมประกาศ คำขอบคุณ เป็นคำกล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงาน ที่มีส่วนช่วยทำให้โครงงานสำเร็จ
          6. สารบัญ
              6.1 สารบัญตาราง (ถ้ามี)
              6.2 สารบัญภาพ (ถ้ามี)

บทที่ 1 บทนำ
            1. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน เขียนอธิบายถึงความเป็นมาเกี่ยวกับปัญหาที่สนใจจะศึกษานี้ว่ามีหลักการความเป็นมา มีเหตุผลความจำเป็นอย่างไร แรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจ เหตุใดจึงได้เลือกทำโครงงานนี้ มีเหตุจูงใจอะไรที่ทำให้สนใจเป็นกรณีพิเศษ โครงงานนี้มีคุณค่า มีความสำคัญอย่างไร ประโยชน์ที่จะได้จากการจัดทำโครงงานนี้ ดีอย่างไร ทำไมจึงต้องทำมีข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีหรือหลักวิชาการหรือตัวเลขสถิติที่มีความเกี่ยวข้องปรากฏเด่นชัด ควรจัดระบบเพิ่มเติมลงไปด้วย เพื่อแสดงว่าโครงงานนี้มีความสำคัญ เป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นได้ศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้วเพื่อขยายปรับปรุงหรือททำซ้าเพื่อตรวจสอบผล
           2. วัตถุประสงค์ของโครงงาน เป็นการระบุความต้องการในการศึกษา ซึ่งอาจเขียนเป็นข้อๆ โดยเขียนให้ผู้อื่นทราบว่าเราจะทำการศึกษาอะไร อย่างไร แต่ไม่ใช่นำเอาประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการทำโครงงานมาเขียนเป็นจุดมุ่งหมาย ส่วนการระบุวัตถุประสงค์ของโครงงานนั้น จัดว่าเป็นการเขียนวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า หรือเป็นวัตถุประสงค์ของการทดลอง วัตถุประสงค์ที่ดี ควรมีความเฉพาะเจาะจง เป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ บอกขอบเขตของงานที่จะท าได้ชัดเจน และไม่เขียนอยู่ในรูปของประโยคคำถาม ที่ส าคัญคือต้องสอดคล้องกับชื่อของโครงงาน
          3. ขอบเขตของโครงงาน ระบุว่าโครงงานที่ทำขึ้นนี้ศึกษาเรื่องเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง และใช้โปรแกรมอะไรในการสร้างชิ้นงานโครงงาน
         4. ผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการกล่าวถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำโครงงาน จะมีอะไรเกิดขึ้น
มีปริมาณมากน้อยเพียงใด มีประสิทธิภาพหรือคุณภาพอย่างไร จะได้รับประโยชน์หลายลักษณะหรือลักษณะใดลักษณะหนึ่งจากการทำโครงงานครั้งนี้อย่างไร ทั้งกับตนเอง เพื่อนๆ และบุคคลทั่วไป

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
            ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือวิธีการที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนำมาเปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย

บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีการดำเนินงาน
            ระบุขั้นตอนการดำเนินงานสำคัญ ๆ ตั้งแต่วันที่เริ่มทำโครงงาน ระยะเวลาดำเนินงานแต่ละขั้นตอนการปฏิบัติค่าใช้จ่าย หรืออธิบายการเริ่มงาน การจัดทำการจัดรูปแบบ ออกแบบ ทดลองอะไร วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเก็บข้อมูลอะไรบ้าง อย่างไรและเมื่อใด อุปกรณ์ที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน

บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน
            ระบุผลที่ได้จากการศึกษา พัฒนาโครงงาน เขียนตามวัตถุประสงค์ของโครงงาน นำเสนอข้อมูลที่พัฒนาได้โดยอาจแสดงเป็นตาราง หรือ กราฟ หรือข้อความ ภาพตัวอย่างผลงาน

บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงาน / อภิปรายผลการด าเนินงาน /ข้อเสนอแนะ
            เมื่อได้ผลงานที่พัฒนาเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทำสรุปผลการดำเนินงานด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัด แต่ครอบคลุมกระบวนการขั้นตอนการดำเนินงานทั้งหมด ทำให้ผู้อ่านรายงานเข้าใจสิ่งที่ค้นพบจากการทำโครงงานได้

คลิปเกี่ยวกับเทคโนโลยีในโลกอนาคต


คลิปเกี่ยวกับเทคโนโลยีในโลกอนาคต







      ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศได้มีบทบาทที่สำคัญต่อวิถีชีวิตและสังคมของมนุษย์ เทคโนโลยีสารสนเทศได้สร้างการ เปลี่ยนแปลงและโอกาสให้แก่องค์การ เช่นเปลี่ยนโครงสร้างความสัมพันธ์และการแข่งขันในอุตสาหกรรม ปรับโครงสร้างการดำเนินงานขององค์การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและบริการ เป็นต้นเนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดรูปแบบใหม่ในการติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทำให้มีการพัฒนาและกระจายตัวของภูมิปัญญา ซึ่งต้องอาศัยบุคคลที่มีความรู้และความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยี


อาชีพที่เกิดใหม่ในโลกอนาคต  10  อาชีพ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาชีพที่เกิดใหม่ในโลกอนาคต 10 อาชีพ

อันดับหนึ่ง “นักการตลาดออนไลน์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นักการตลาดออนไลน์            

            ทุกวันนี้ผู้คนใช้โทรศัพท์มือถือเช็คข้อมูลข่าวสารกันแทบจะทุกวินาที แน่นอนที่สุดว่าสิ่งที่เราเช็ค ข้อมูลที่เราดู มันไม่ได้ฟรีเสมอไป สิ่งที่ติดตามมากับข้อมูลก็คือ โฆษณา ที่นักการตลาดออนไลน์เป็นผู้ออกแบบ ผลิตโฆษณาแบบเนียน ๆ ทำให้เราต้องควักเงินซื้อสินค้า หรือบริการที่นักการตลาดต้องการสื่อสารให้ผู้รับข้อมูลได้รับรู้ถึงเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาชีพในอนาคตที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้น นักการตลาดออนไลน์ ใครเก่งมีฝีมือจริง รับรองไม่ตกงาน


อันดับที่สอง “นักเขียน Application

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นักเขียน Application

          ในอดีตนักเขียนเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์คงเป็นที่นิยม แต่ในปัจจุบัน และอนาคตอาชีพที่จะมาแรงคงหนีไม่พ้นนักออกแบบ เขียนโปรแกรม Application บนมือถือ Smart Phone เนื่องจากผู้คนในยุคข้อมูลข่าวสารต้องการเสพข้อมูลที่ดูง่าย มีการจัดหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบ ค้นหาง่าย อ่านง่าย สบายตา หรือแม้แต่ Application ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งในอนาคตอันใกล้


อันดับที่สาม “เจ้าของ Start Up

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เจ้าของ Start Up

            กิจกรรมที่มาแรงในยุคนี้ไม่มีใครปฏิเสธว่าเหล่า Start Up นั้นเป็นที่นิยมกันมาก วัยรุ่นหลายคนมีฝันใหญ่อยากประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นอายุน้อยร้อยล้าน ต่างก็ตบเท้าเข้ามาลองเชิงทำธุรกิจ Start Up และแน่นอนที่สุดว่าเทรนด์ของ Start Up เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง ใครมีไอเดียดี ๆ อย่าเก็บเอาไว้ ลองเอามันออกมาสร้างฝันให้เป็นจริง ถ้าทำสำเร็จรับรองรวย !     


อันดับที่สี่ “นักบริหารความสัมพันธ์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นักบริหารความสัมพันธ์

      อาชีพนี้ออกจะแปลกเสียหน่อย แต่รับรองว่าทำเงินจริงจัง ในยุคนี้คนเรามักจะขัดแย้งกันบ่อยจากการโพสต่อว่ากันไปมาบนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ บางครั้งกระทบกับสินค้า หรือบริการของบริษัทใหญ่ ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เนื่องจากหากบริษัทเหล่านั้นชี้แจงด้วยตนเองอาจทำให้คนที่รับข้อมูลรู้สึกไม่เชื่อถือ ทำให้เกิดอาชีพใหม่ขึ้นมา นักบริหารความสัมพันธ์ โดยคนกลุ่มนี้อาจเป็นบล็อกเกอร์ หรือ Influencer เก่ง ๆ ที่มีคนติดตามอยู่เยอะ เวลาโพสอะไรไปก็จะมีน้ำหนักมากกว่าที่เจ้าของผลิตภัณฑ์เป็นผู้โพสเอง ใครทำให้คนเชื่อถือ หรือติดตามได้ รับรองทำเงินได้แน่นอน



อันดับที่ห้า “กูรูออนไลน์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กูรูออนไลน์

          อาชีพทำเงินอีกอาชีพก็คือ กูรูออนไลน์ เพราะในยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสารที่ข้อมูลเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ แต่ข้อมูลดิบ ๆ ที่ไม่ได้ผ่านการคิดวิเคราะห์แยกแยะออกเป็นส่วน ๆ หรือไม่ได้ผ่านการย่อยให้เข้าใจง่าย ๆ ก็จะไม่ได้รับความนิยม สำหรับคนที่คิดจะพัฒนาตัวเอง มักจะเลือกอ่านข้อมูลที่ถูกย่อยมาเป็นอย่างดี เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน นั่นจึงเกิดอาชีพใหม่ คือ กูรูออนไลน์ อย่าง Plearn เพลิน by Krungsri GURU ที่คอยให้คำวิเคราะห์ คิด แนะนำ ชี้ทางให้กับมือใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุน ไปจนถึงการตกแต่งบ้าน แต่งหน้าทาปาก ทำสวย ทำหล่อ ลงทุน ออกกำลังกาย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำเงินได้ ถ้าเรารู้จริง เป็นของจริง รับรองว่ามันจะทำเงินให้กับคุณอย่างคาดไม่ถึง



อันดับที่หก “นักการตลาดอสังหาริมทรัพย์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นักการตลาดอสังหาริมทรัพย์

         อีกเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในบ้านเราก็คือ รถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ จะกำเนิดเกิดขึ้นอย่างมากมาย และรวดเร็ว ทำให้มีการพลิกหน้าดินใหม่ ๆ เพิ่มก่อสร้างคอนโดมิเนียมริมรถไฟฟ้า ติดสถานีรถไฟฟ้า และแน่นอนที่สุดว่ามีของจะขายมากมายขนาดนี้ก็ต้องการนักการตลาดมาโปรโมทสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสังหาฯ ประเภทคอนโดมิเนียม ใครทำตลาดเก่ง ๆ รับรองเงินเดือนสูงลิ่ว มีการดึงตัวกันไปมา และจะกลายเป็นมนุษย์ทองคำอย่างไม่ต้องสงสัย



อันดับที่เจ็ด “ผู้ดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ผู้ดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์

        อาชีพนี้จะคอยสนับสนุน หรือ Support ทุกอาชีพที่เกี่ยวข้องกับตลาดออนไลน์ สื่อออนไลน์ Social Media รูปแบบต่าง ๆ ที่บริษัทใหญ่ ๆ จะใช้โฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าของตนเอง ตลอดจนข้อมูลในลักษณะของ Big Data ที่บริษัทใหญ่ ๆ ต้องใช้ในการวิเคราะห์ความเป็นไปของกิจการ ดังนั้นผู้ดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จึงมีความจำเป็นสูง ใครเก่งด้านนี้เตรียมตัวไว้ได้เลย



อันดับที่แปด “อาชีพที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน"

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน

   การประหยัดพลังงาน การดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้ามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เด็กที่เรียนจบวิศวกรรมด้านไฟฟ้าจะมีงานทำ ไม่ตกงานแน่นอน



อันดับที่เก้า “อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษา"

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษา

       ทั้งการพูด การเขียน การคิดสโลแกน ถ้อยคำ ภาษาสำคัญ คือ อังกฤษและจีน ที่ใช้ทั่วโลก 
และภาษาอารบิกสำหรับชาวมุสลิมที่กระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น



อันดับที่สิบ “อาชีพดูแลด้านสุขภาพ"

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาชีพดูแลด้านสุขภาพ


   ครอบคลุมตั้งแต่เด็กถึงวัยชรา เทรนด์นี้ทั้งโลกให้ความสำคัญ โดยเฉพาะไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อยากมีอายุยืนยาวขึ้น ยอมจ่ายเเพื่อตรวจสุขภาพประจำปีกับโรงพยาบาล รับประทานอาหารที่เน้นดูแลตัวเอง และธุรกิจฟิตเนส เทรนเนอร์ จะได้รับความนิยม

ความรู้เทคโนโลยีในโลกปัจจุบันและอนาคต

เทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
1. คอมพิวเตอร์ (Computer) ปัจจุบันคอมพิวเตอร์พัฒนาจากยุคแรกที่เครื่องมีขนาดใหญ่ทำงานได้ช้า ความสามารถต่ำ และใช้พลังงานสูง เป็นการใช้เทคโนโลยีวงจรรวมขนาดใหญ่ในการผลิตไมโครโปรเซสเซอร์ ทำให้ประสิทธิภาพของส่วนประมวลผลของเครื่องพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีการพัฒนาหน่วยความจำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแต่มีราคาถูกลง ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปัจจุบัน ตลอดจนการนำคอมพิวเตอร์ชนิดลดชุดคำสั่งมาใช้ในการออกแบบหน่วยประเมินผล ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้เร็วขึ้นโดยใช้คำสั่งพื้นฐานง่ายๆ การประมวลผลตามหลักเหตุผลของมนุษย์หรือระบบปัญญาประดิษฐ์


2. ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence ; AI) เป็นการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถที่จะคิดแก้ปัญหา และให้เหตุผลได้เหมือนอย่างการใช้ภูมิปัญญาของมนุษย์จริง ปัจจุบันที่นักวิทยาศาสตร์ทดลองที่จะพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานที่มีเหตุผล โดยการเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ ซึ่งความรู้ทางด้านนี้ถ้าได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้งาน
ต่างๆ 


3. ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Executive Information SystemEIS) เป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศที่สนับสนุนในงานระดับวางแผนนโยบายและกลยุทธ์ขององค์การ โดยที่ EIS จะถูกนำมาให้คำแนะนำผู้บริหารในการตัดสินใจ เมื่อประสบปัญหาแบบไม่มีโครงสร้างหรือกึ่งโครงสร้างโดย EIS เป็นระบบที่พัฒนาขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่พิเศษของผู้บริหารในด้านต่างๆเช่นสถานการณ์ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์การ รวมทั้งสถานะของคู่แข่งขันด้วย โดยที่ระบบจะต้องมีความละเอียดอ่อนตลอดจนง่ายต่อการใช้งาน เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงจำนวนมากไม่เคยชินกับการติดต่อและสั่งงานโดยตรงกับระบบคอมพิวเตอร์

4. การจดจำเสียง (Voice Recognition) ในอนาคตนักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จในการนำความรู้ต่างๆ มาใช้สร้างระบบการจดจำเสียงก็จะสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลแก่การใช้งานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยที่ผู้ใช้จะสามารถออกคำสั่งและตอบโต้กับคอมพิวเตอร์แทนการกดแป้นพิมพ์ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่ไม่เคยชินกับการใช้คอมพิวเตอร์ให้สามารถปรับตัวเข้ากับระบบได้ง่าย เช่น ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง การสั่งงานระบบฐานข้อมูลต่าง ๆ และระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และขยายคุณค่าเพิ่มของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อธุรกิจ
5. การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Data Interchange ; EDI) เป็นการส่งข้อมูลหรือข่าวสารจากระบบคอมพิวเตอร์หนึ่งไปสู่ระบบคอมพิวเตอร์อื่น โดยผ่านทางระบบสื่อสารข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานของแต่ละองค์การลง โดยองค์การจะสามารถส่งและรับสารสนเทศในการดำเนินธุรกิจ เช่น ใบสั่งซื้อและใบตอบรับผ่านระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่มีอยู่ ทำให้ทั้งผู้ส่งและผู้รับข้อมูลไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
6. เส้นใยแก้วนำแสง (Fiber Optics) เป็นตัวกลางที่สามารถส่งข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยการส่งสัญญาณแสงผ่านเส้นใยแก้วนำแสงที่มัดรวมกัน การนำเส้นใยแก้วนำแสงมาใช้ในการสื่อสาร นี่จะเชื่อมโยงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลและสารสนเทศต่าง ๆ ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ปัจจุบันเทคโนโลยีเส้นใยแก้วนำแสงได้ส่งผลกระทบต่อวงการสื่อสารมวลชน และการค้าขายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์
7. อินเตอร์เน็ต (Internet) เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงไปทั่วโลก มีผู้ใช้งานหลายล้านคน และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยที่สมาชิกสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนค้นหาข้อมูลจากห้องสมุดต่าง ๆ ได้ ในปัจจุบันได้มีหลายสถาบันให้ประเทศไทยที่เชื่อมระบบคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายนี้ เช่น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (Nectec) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เป็นต้น
8. ระบบเครือข่าย (Networking System) โดยเฉพาะระบบเครือข่ายเฉพาะพื้นที่เป็นระบบสื่อสารเครือข่ายที่ใช้ในการระยะทางที่กำหนด ส่วนใหญ่จะภายในอาคารหรือในหน่วยงาน LAN จะมีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้สูงขึ้น รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การใช้ข้อมูลร่วมกันและการเพิ่มความเร็วในการติดต่อสื่อสาร นอกจากนี้ระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยังผลักดันให้เกิดการกระจายความรับผิดชอบในการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศไปยังผู้ใช้มากกว่าในอดีต
9. การประชุมทางไกล (Teleconference) เป็นการนำเทคโนโลยีสาขาต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายโทรทัศน์และระบบสื่อสารโทรคมนาคมผสมผสาน เพื่อใช้สนับสนุนในการประชุมมีประสิทธิภาพ โดยผู้เข้าร่วมประชุมไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในห้องประชุมและพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการเดินทาง โดยเฉพาะในสภาวะการจราจรที่ติดขัด ตลอดจนผู้เข้าประชุมอยู่ในเขตที่ห่างไกลกันมาก
10. โทรทัศน์ตามสายและผ่านดาวเทียม (Cable and Sattlelite TV) การส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านสื่อต่างๆไปยังผู้ชม จะมีผลทำให้ข้อมูลข่าวสารสามารถแพร่ไปได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น โดยที่ผู้ชมสามารถเข้าถึงข้อมูลจากสื่อต่างๆ ได้มากขึ้น ส่งผลให้ผู้ชมรายการมีทางเลือกมากขึ้นและสามารถตัดสินใจในทางเลือกต่าง ๆ ได้เหมาะสมขึ้น
11. เทคโนโลยีมัลติมีเดีย (MultimediaTechnology) เป็นการนำเอาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาจัดเก็บข้อมูล หรือข่าวสารในลักษณะที่แตกต่างกันทั้งรูปภาพ ข้อความ เสียง โดยสามารถเรียกกลับมาใช้เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ และยังสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ด้วยการประยุกต์เข้ากับความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์
12. การใช้คอมพิวเตอร์ในการฝึกอบรม (Computer Based Training) เป็นการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ หรือการนำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วย"คอมพิวเตอร์ช่วยกาหรือ CAI" การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการสอนเปิดช่องทางใหม่ในการเรียนรู้ โดยส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ ตลอดจนปรัชญาการเรียนรู้ด้วยตนเอง
13. การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ (Computer Aided Design ; CAD) เป็นการนำเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และระบบข้อมูลเข้ามาช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมทั้งรูปแบบหีบห่อของผลิตภัณฑ์หรือการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยทางด้านการออกแบบวิศวกรรม และสถาปัตยกรรมให้มีความเหมาะสมกับความต้องการและความเป็นจริง ตลอดจนช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในการออกแบบ โดยเฉพาะในเรื่องของเวลา การแก้ไข และการจัดเก็บแบบ
14. การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต(Computer Aided Manufacturing ; CAM) เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการผลิตสินค้าในโรงานอุตสาหกรรม เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์จะมีความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้ในการทำงานที่ซ้ำกัน ตลอดจนสามารถตรวจสอบรายละเอียดและข้อผิดพลาดของผลิตภัณฑ์ได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยประหยัดระยะเวลาและแรงงาน ประการสำคัญช่วยให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์มีความสม่ำเสมอตามที่กำหนด
15. ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์(Geographic Information System ; GIS) เป็นการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์ทางด้านรูปภาพ และข้อมูลทางภูมิศาสตร์มาจัดทำแผนที่ในบริเวณที่สนใจ GIS สามารถนำมาประยุกต์ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินกิจการต่าง ๆ เช่น การวางแผน กลยุทธ์  การกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศและท้องถิ่น การวางแผนทางการตลาด การบริหารการขนส่งการสำรวจและวางแผนป้องกันธรรมชาติการช่วยเหลือและกู้ภัย เป็นต้น
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคโนโลยีสารสนเทศ






การปฏิบัติตนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ

      ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศได้มีบทบาทที่สำคัญต่อวิถีชีวิตและสังคมของมนุษย์ เทคโนโลยีสารสนเทศได้สร้างการ เปลี่ยนแปลงและโอกาสให้แก่องค์การ เช่นเปลี่ยนโครงสร้างความสัมพันธ์และการแข่งขันในอุตสาหกรรม ปรับโครงสร้างการดำเนินงานขององค์การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและบริการ เป็นต้นเนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดรูปแบบใหม่ในการติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทำให้มีการพัฒนาและกระจายตัวของภูมิปัญญา ซึ่งต้องอาศัยบุคคลที่มีความรู้และความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยี โดยที่ผู้บริหารจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับองค์การดังต่อไปนี้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคโนโลยีสารสนเทศ







ประเภทคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลัก คือ 
1.
ดิจิทัลคอมพิวเตอร์ (Digital Computer) มีการทำงานโดยการนำค่าที่เป็นเลขโดด เช่น เลขฐานสอง มาใช้ในการคำนวณ 
2. แอนะล็อกคอมพิวเตอร์ (Analog Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงานโดย การนำค่าตัวแปรที่ต่อเนื่อง เช่น ค่าแรงดันไฟฟ้าในวงจรมาใช้ในการคำนวณ
3. ไฮบริดคอมพิวเตอร์ (Hybrid Computer) ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ลูกผสมระหว่างคอมพิวเตอร์สองแบบแรก แต่ในปัจจุบันนี้ เมื่อกล่าวถึงคอมพิวเตอร์เฉยๆ จะหมายถึง ดิจิทัลคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้กัน
สาเหตุที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้งานในปัจจุบัน คือ 
• คอมพิวเตอร์สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว 
• คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ไว้ในฐานข้อมูลและเรียกเพื่อนำมาใช้งานได้ทันที ตามความต้องการของผู้ใช้งาน
• คอมพิวเตอร์สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ แยกประเภทจัดกลุ่มทำรายงานลักษณะต่างๆ ได้โดยระบบประมวลผล ที่มีความถูกต้อง
• คอมพิวเตอร์สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว 
และตลอดเวลา
• คอมพิวเตอร์สามารถจัดทำเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยระบบประมวลคำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบสำนักงานอัตโนมัติ สร้างความสะดวกและประหยัดเวลาในการจัดทำเอกสารแต่ละชนิด




เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในอนาคต
1.โทรศัพท์คอมพิวเตอร์
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง    
   เทคโนโลยีจอแสดงผลอาจเปลี่ยนรูปโฉมไปอีกขั้นโดยมีการพัฒนาให้มีขนาดบางลง ถึงขนาดว่าสามารถม้วนพับเก็บไว้ได้ ขณะที่ใช้พลังงานน้อยลงและมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวนานขึ้นมาทดแทน เทคโนโลยีจอแสดงผลแบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอย่างจอแสดงผลแอลซีดีที่ยังมี ข้อเสียตรงที่ใช้พลังงานมาก เทคโนโลยีที่จะเข้ามาทดแทนแอลซีดีในวันข้างหน้า 


2. ไอเดียรถยนต์สปอร์ต 3 ล้อ แห่งปี 2020 จาก Peugeot Velocite
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Peugeot Velocite    
   ไอเดีย Concept Car จาก Peugeot Velocite   ออกแบบโดย Juan Calos โดยเขาได้ออกแบบรถยนต์ Peugeot สำหรับอนาคตในปี 2020 ซึ่งเป็นรถยนต์แบบ Sport 3 ล้อที่เขาได้ไอเดียมาจากรถมอเตอร์ไซต์ โดยตัวเครื่องยนต์จะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าในระบ Low-Resistance Electric Motor ซึ่งปราศจากไอเสียและเมื่อรถวิ่งลงเขาก็จะสามารถชาร์จพลังงานให้กับรถได้อีกด้วย


3. ไอเดียคอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคตในปี 2020 จาก Sony Nextep Computer
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Sony Nextep Computer     
        ไอเดียคอมพิวเตอร์แห่งอนาคตจาก Sony Nextep Computer โดยในปี 2020 เราจะมีคอมพิวเตอร์ที่มีโครงสร้างที่ยืดหยุ่นด้วยหน้าจอOLEDTouchscreenมีเทคโนโลยี Holographic Projector, Pull-Out Extra Keyboard และที่สำคัญมันจะอยู่บนข้อมือของคุณด้วย ไอเดียนี้อีก 10 ปีข้าง


4. คอมพิวเตอร์ผสมกับโคมไฟตั้งโต๊ะ (Computer Table Lamp Concept)
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Computer Table Lamp Concept    
       คอมพิวเตอร์ผสมกับโคมไฟตั้งโต๊ะ  จากรูปภาพด้านบน มองดูแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร? แต่แท้ที่จริงมันเป็นแนวคิดคอมพิวเตอร์ในอนาคต มองไปที่ด้านบนจะเห็นช่องใส่แผ่นซีดีรอม ควบคุมการทำงานด้วยจอแสดงผลแบบสัมพัส และมีพอร์ตเพื่อการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ คอนเซ็ปต์ของมันก็คือเป็น Media Center ที่มีทั้ง เครื่องเล่นดีวีดี อัลบัมภาพ เครื่องเสียง ทีวี และอินเตอร์เน็ต สามารถนำไปวางไว้ในห้องรับแขก เพื่อใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์อีกชิ้นหนึ่งในบ้านได้


5. เครื่องฉายภาพขนาดกระทัดรัด (Ultracompact Digital Projector)
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Ultracompact Digital Projector     
    เครื่องฉายภาพขนาดกระทัดรัด Samsung ร่วมกับ Teague นำเสนอเครื่องฉายภาพขนาดกระทัดรัด ออกแบบมาสำหรับการประชุมทางไกลผ่านกล้องวีดีโอ สามารถสั่งการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเทคโนโลยี Laser Diode ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้หลายอย่าง มีการเชื่อมต่อไร้สาย และใช้งานอีเมล์


6. กล้องถ่ายดีวีดี (DVD Camcorder Concept)
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ DVD Camcorder Concept        
   กล้อง บันทึกดีวีดีถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก และมีรูปทรงที่ต่างไปจากกล้องถ่ายวีดีโอในปัจจุบัน ด้วยรูปทรงของมันทำให้สามารถปรับหมุนเลนส์กล้องได้ 360 องศา นับเป็นการปฏิวัติกล้องถ่ายวีดีโอครั้งใหญ่เลยทีเดียว


7. เครื่องเล่นเกมส์ Playstation 3
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง     
  เครื่องเล่นเกมส์ Playstation 3 ออกแบบมาในรูปทรงแท่งสี่เหลี่ยมโค้งมน เน้นวัสดุที่ทำเหมือนโลหะ ทำให้ตัวเครื่องดูสวยเฉียบทีเดียว


8. แนวคิดรถยนต์ในอนาคตจากนิสสัน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รถยนต์ในอนาคตจากนิสสัน      
แนวคิดรถยนต์ในอนาคตจากนิสสันออก แบบมาสำหรับนักวิทบาศาสตร์ นักธรณีวิทยา นักโบราณคดี หรือนักผจญภัย รถยนต์ "Nissan 4x4 Terranaut" คันนี้มีห้องโดยสารทรงกลม ที่นั่งคนขับปรับหมุนได้ 360 องศา น่าเสียดายที่เบาะสำหรับผู้โดยสารมีเพียง 1 ที่นั่งเท่านั้น


9.แขนกลไบโอนิค(TheBionicHand)
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง     
     ไอ-ลิมบ์ แขนกลไบโอนิคชิ้นแรกของโลกที่ออกสู่การค้าแล้ว หลังจากใช้เวลาพัฒนาและแรงคนจำนวนมาก และพัฒนาขึ้นโดยบริษัท "ทัชไบโอนิคส์" ซึ่งแขนกลนี้มีการเชื่อมต่อที่มากมาย แต่ละนิ้วมือของแขนกลมีมอเตอร์ขับเคลื่อนเฉพาะ ทั้งนี้ปกติแขนเทียมมักดูคล้ายตะขอเกี่ยวทำให้มีข้อจำกัดในการใช้งาน แต่ไอ-ลิมบ์มีความสามารถที่มากกว่า อาทิ การหยิบจับบัตรเครดิตหรือถือถ้วยกาแฟได้ เป็นต้น


10.ไดนามิคทาวเวอร์"ตึกระฟ้าที่ทุกชั้นหมุนได้ (TheDynamicTower)
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ The Dynamic Tower     
"ไดนามิคทาวเวอร์" สูง 80 ชั้นสามารถหมุนได้ 360 องศา ด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน เป็นตึกแรกของโลกที่ทำได้ ตึกดังกล่าวออกแบบโดย เดวิด ฟิเชอร์ สถาปนิกอิตาลีและก่อสร้างในดูไบ ส่วนกรุงมอสโคว์ของรัสเซียเป็นเมืองต่อไปที่จะสร้างตึกลักษณะนี้ สำหรับตึกนี้ได้รับการออกแบบให้ใช้พลังงานลม รองรับการเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรมและที่พักอาศัยประมาณราคาของตึกนี้อยู่ที่ 24,500 ล้านบาทโดยราคาขายห้องอยู่ที่130-1,300ล้านบาท และการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2553







บันทึกการเพิ่มพูนความรู้ด้านวิชาการ


โรงเรียนเซนต์โยเซฟ  บางนา
บันทึกการเพิ่มพูนความรู้ด้านวิชาการ
ประจำปีการศึกษา 2561
(ความยาวที่มีสาระ 10 หน้ากระดาษ)


ชื่อนักเรียน   เจณิสตา   สกุล  จิราธิรัตน์   เลขที่ 26   ห้อง 6/1
ชื่อเรื่อง  ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์   จากหนังสือ  ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ชื่อผู้แต่ง  นางสาวเมตตา  ธีรเวช    ปี พ.ศ. ที่พิมพ์ 2556

INTERNET  WWW.
https://teeravach.wordpress.com

1. สาระสำคัญของเรื่อง
    1. ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
    2. ความหมายของคอมพิวเตอร์
    3. คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
    4. การทำงานของคอมพิวเตอร์
    5. ประเภทของคอมพิวเตอร์



2. แนวคิดของผู้เขียนที่ต้องการแบ่งปัน
   1. ขั้นตอนในการทำงานของคอมพิวเตอร์
   2. ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
   3. ฮาร์ดแวร์
   4. ซอฟต์แวร์
   5. ข้อมูลสารสนเทศ



3. แนวทางการปฏิบัติในเรื่องนี้ที่เสนอไว้ในหนังสือ/เอกสาร
   1. สื่อความหมายถูกต้อง ตรงประเด็น เข้าใจง่าย
   2. สร้างความเข้าใจ ความรู้เพิ่มเติม
   3. ประหยัดเวลาในการตีความหรือตรวจสอบข้อมูล
   4. มีมาตราฐานเดียวกันกับข้อมูล แสดงถึงคุณภาพของเนื้อหา
   


4. การนำมาใช้ในการเรียน
   1. นำเนื้อหามาศึกษาควบคู่ไปกับการเรียน การสอบ
   2. นำมาใช้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
   3. นำมาค้นคว้าได้สะดวกรวดเร็ว ง่ายต่อการศึกษาหาข้อมูล
   4. นำมาใช้ในการนำเสนอข้อมูลต่างๆในชั้นเรียน
   5. นำมาปฏิบัติตามหน้าที่ของเนื้อหาให้สมบูรณ์ 


5. ผลที่คาดว่าจะเกิดกับตนเองและผู้อื่น
   1. ได้ความรู้เพิ่มเติมในสิ่งใหม่ๆ
   2. ได้นำความรู้ไปศึกษาต่อยอดในอนาคต
   3. ได้ข้อคิด การนำไปใช้ควบคู่ในชีวิตประจำวัน
   4. ได้ประสบการณ์ใหม่ๆในการค้นคว้าหาความรู้


6. ได้นำความรู้ไปใช้ในการเรียน /ดำเนินชีวิต คือ
   ใช้ความรู้ที่ได้ศึกษามาต่อยอดในอนาคต  พัฒนาความรู้ให้สูงขึ้น และนำความรู้ที่ได้ศึกษาค้นคว้านำไปใช้คบคู่กับการดำเนินชีวิตประจำวันให้ทันโลก ทันสมัยต่างๆ
  
    เนื้อหาย่อดังนี้
    ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เบื้องต้น หลักและวิธีการทำงาน ประเภทของคอมพิวเตอร์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์  ซอฟต์แวร์  ตลอดจนกระทั่งคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์แต่ละชนิด
    ผลที่เกิดกับนักเรียน / กับงาน หรือเพื่อนร่วมห้อง
    ได้รับความรู้สิ่งใหม่ๆเพิ่มเติม ประสบการณ์ในการศึกษาค้นคว้าข้อมูลหาความรู้นำไปต่อยอดให้เป็นประโยขน์มากที่สุด